Duration 7:6

ยุ่งแล้ว สมชัยหวั่นเกิดปัญหา คำสั่งศาลรัฐธรรมนูญไม่ชี้ชัด จับตาพปชร.เร่งเครื่องจัดการพท.-กก.

Published 12 Nov 2021

‘สมชัย’ ห่วงศาลรธน.ไม่ชี้ชัด เครือข่ายใดต้องเลิกการกระทำ ปมล้มล้างการปกครอง อาจเป็นปัญหาในอนาคต เชื่อปมแก้ ม.112 ยังเดินต่อได้ แต่ต้องเป็นการปรับปรุง ไม่ใช่ยกเลิก นายสมชัย ศรีสุทธิยากร ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยการเมืองและการพัฒนา มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวถึงกรณีศาลรัฐธรรมนูญ มีคำวินิจฉัยว่าการกระทำของ นายอานนท์ นำภา และพวก เป็นการใช้สิทธิและเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ว่า ต้องดูรายละเอียดในคำวินิจฉัยเพิ่มเติมว่าเป็นอย่างไร โดยเฉพาะในส่วนของเนื้อหา ของสิ่งที่เป็นการล้มล้างการปกครอง ทั้ง 10 เรื่อง ก็คงจะต้องดูทีละเรื่องไป ซึ่งตนคิดว่าการเหมารวมทั้ง 10 เรื่อง เป็นเรื่องของการล้มล้างการปกครอง อาจจะไม่ถูกต้อง เพราะตนดูเบื้องต้นในเรื่องที่ 9 เป็นเรื่องการเรียกร้องให้เกิดความเป็นธรรมในคดีอาญา บอกว่าคนที่ถูกอุ้มสูญหาย ขอให้มีการสืบสวนโดยเร็ว ซึ่งเรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวกับพระมหากษัตริย์เลย เป็นการเรียกร้องความเป็นธรรมในคดีอาญาทั่วไป ซึ่งตนคิดว่าประชาชนทุกคน ถ้าไม่ได้รับความเป็นธรรมในเรื่องเหล่านี้ ก็ควรเรียกร้องได้ นายสมชัยกล่าวอีกว่า ส่วนของผลที่จะเกิดขึ้นหลังจากมีคำวินิจฉัยนั้น สำหรับทั้ง 3 คนที่ศาลชี้ว่าห้ามกระทำ ศาลก็มีสิทธิที่จะสั่งให้ยุติการกระทำ ส่วนที่บอกว่าให้กลุ่มองค์กรเครือข่าย เลิกกระทำการดังกล่าวที่จะเกิดขึ้นต่อไปในอนาคตด้วยนั้น คิดว่าอาจจะเป็นคำที่ดูกว้าง เพราะเราไม่รู้ว่าใครคือเครือข่ายอื่นๆที่จะต้องยุติการกระทำ ไม่แน่ใจว่าใครคือเครือข่าย ศาลไม่ได้ชี้ชัดเจน ความจริงถ้าหากว่าดีที่สุด คือ ต้องชี้ชัดว่าประกอบด้วยเครือข่ายต่างๆอะไรบ้าง ให้หยุดการกระทำ ซึ่งจะเป็นปัญหาว่า ต่อจากนี้ไปคนที่ทำเป็นเครือข่ายหรือไม่ใช่เครือข่าย นอกจากนั้นการที่ศาลสั่งให้ยุติการกระทำในอนาคตนั้น ตนอ่านรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 แล้ว คิดว่าไปไม่ถึง เพราะมาตรา 49 เพียงแค่ว่า หากศาลเห็นว่าผิดให้สั่งให้ยุติการกระทำในปัจจุบัน แต่ว่าในอนาคตนั้นก็เป็นเรื่องที่อาจจะไกลเกินกว่ารัฐธรรมนูญหรือไม่ เมื่อถามว่า มีการพูดถึงว่าจะมีการเอาเรื่องนี้ไปเป็นสารตั้งต้น ในการยื่นยุบพรรคก้าวไกลนั้น นายสมชัย กล่าวว่า ก็เป็นกระบวนการทางการเมือง ซึ่งตนเข้าใจว่าในทางการเมือง อาจมีคนที่มีความเห็นและจุดยืนแตกต่างกัน และการมุ่งที่จะทำลายล้างก็จะมีความแตกต่างกัน ก็คงเป็นเรื่องที่จะต้องรอดูผลที่เกิดขึ้น แม้ในมาตรา 49 ของรัฐธรรมนูญจะบอกว่า ไม่มีผลทางอาญาก็ตาม แต่ตนก็คิดว่าก็คงจะเอาเป็นส่วนหนึ่งในการที่จะร้องดำเนินคดีอาญา ต่อบุคคล หรือคณะบุคคล คงมีการร้องแน่ แต่ศาลก็ตัดสินโดยอิสระไม่ได้ผูกพันกับเรื่องนี้ แต่ก็มีน้ำหนักไปในทางที่ว่า หากว่าศาลเคยชี้ทำนองนี้แล้ว น้ำหนักทางอาญาก็มีแนวโน้มมีความเป็นไปได้ ที่จะออกมาในเชิงที่สอดคล้องกัน เมื่อถามว่า กรณีที่มีการเสนอให้ยกเลิก ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 จะเข้าข่ายในกรณีนี้ด้วยหรือไม่ นายสมชัยกล่าวว่า ถ้าตีตามตัวอักษร การยกเลิกมาตรา 112 เป็น 1 ใน 10 ข้อเสนอในการชุมนุมดังกล่าว การเสนอให้ยกเลิกมาตรา 112 ก็คงจะไม่ได้ แต่เสนอให้ปรับปรุงน่าจะได้ ซึ่งสภาเองถ้าคิดว่ากฎหมายฉบับใดมีความจำเป็นต้องปรับปรุง ก็ปรับปรุง แม้ไม่เกิดกรณีคำวินิจฉัยตุลาการศาลรัฐธรรมนูญด้วยมติ 8 ต่อ 1 บังเกิดขึ้นในวันที่ 10 พฤศจิกายน แนวคิดในเรื่องการล้มล้างพรรคเพื่อไทย พรรคก้าวไกล ผ่านกระบวนการยุบพรรคก็คึกคัก เป็นความคึกคักที่ไม่เพียงแต่ นายณฐพร โตประยูร เท่านั้น หากแม้กระทั่งอีกหลาย“นักร้อง” ก็ย่อมจะร่าเริง ไม่ว่าจะเป็น นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ที่ฝังหมุดเอาไว้แล้ว ในกรณีการดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการพรรค ของ นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ซึ่งมิได้เป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย ไม่ว่าจะเป็น นายศรีสุวรรณ จรรยา ซึ่งเกาะติดในแต่ละก้าวย่างทางการเมือง ไม่ว่าจะเป็น นายทักษิณ ชินวัตร ในบทของ โทนี่ วู้ดซัม ไม่ว่าจะเป็น น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ส่งเสียงมาจากต่างแดน หากรวมการไหวเคลื่อนของ นายสนธิญา สวัสดี เข้าไปอีก ก็จะยิ่งเพิ่มความร้อนแรงเป็นทบเท่าพันทวี เป้าหมายยังอยู่ที่พรรคเพื่อไทย พรรคก้าวไกล แน่วแน่มั่นคง ยิ่งคะแนนและความนิยมของพรรคเพื่อไทย พรรคก้าวไกล พุ่งทะยาน ยิ่งจะเร่งความถี่ในการเล่นบท“นักร้อง” อย่างต่อเนื่อง เหตุผลในการเล่นงานพรรคเพื่อไทย และพรรคก้าวไกล มิได้มีอะไรซับซ้อนหากมองจากมุมทางการเมือง หาก 2 พรรคการเมืองนี้หงอยๆ เหงาๆ ก็ไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องสนใจ ตรงกันข้าม คำประกาศ“แลนด์สไลด์”ของพรรคเพื่อไทย การเดินหน้าของพรรคก้าวไกล สร้างความหวั่นไหวเป็นอย่างสูง ยิ่งพรรคเพื่อไทยก่ออาการ“ดิสรัปต์”จากภายใน ด้วยฝีมือและพลังในการเจาะทะลวงของ “กลุ่มแคร์ คิด เคลื่อน ไทย” ประสานกับแนวคิดของ โทนี่ วู้ดซัม ยิ่งสร้างความหงุดหงิด และที่เคยประเมินว่า ระบบเลือกตั้งในแบบบัตร 2 ใบ อาจดับอนาคตของพรรคก้าวไกล กลับจะกลายเป็นในทางตรงกันข้าม คะแนนของพรรคก้าวไกลจะไปเสริมพรรคเพื่อไทย ยิ่งกังวล อาวุธลับหนึ่งเดียว ที่พรรคการเมืองซึ่งดำรงจุดมุ่งหมายในการสืบทอดอำนาจรัฐประหาร คสช. ยังมีอยู่อย่างเต็มเปี่ยมในมือ ยังเป็นอาวุธอันนำไปสู่การยุบพรรค ไม่แปรเปลี่ยน เริ่มต้นจาก“นักร้อง” และขานรับโดย“องค์กรอิสระ” เป็นเช่นนี้ตั้งแต่ยุคพรรคไทยรักไทย ยุคพรรคพลังประชาชน และแตกแขนงไปสู่ยุคพรรคอนาคตใหม่ สร้างความไม่แน่นอนให้กับพรรคเพื่อไทย พรรคก้าวไกล ขอขอบคุณข้อมูลดีๆจาก มติชน https://www.matichon.co.th/politics/news_3036579 https://www.matichon.co.th/politics/news_3036064 #เรื่องเล่าข่าวเด็ด #ศาลรัฐธรรมนูญ #ประยุทธ์ เรื่องเล่า ข่าวเด็ด

Category

Show more

Comments - 71